ใครที่กำลังหาข้อมูลเพื่อไปเที่ยวประเทศญี่ปุ่น คงจะเคยได้ยินคำว่าพ็อคเก็ตไวไฟ กันมาบ้าง ส่วนใครที่ไม่เคยรู้จักสิ่งนี้วันนี้ฮานะก็จะมาให้ข้อมูลเกี่ยวกับเจ้าสิ่ง นี้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ช่วยให้ฮานะไม่พลาดการติดต่อสื่อสารในการเดินทางไปญี่ปุ่น ครั้งนี้ค่ะ

ตอน ที่ฮานะไปญี่ปุ่นครั้งแรกนั้น ลำบากกับการติดต่อสื่อสารมาก เพราะเราอยากอัพเรื่องราวที่เราได้เห็นมา อยากบอกเล่าถึงความประทับใจว่าฟูจิซังนั้นยิ่งใหญ่และงดงามเพียงไร เมืองนิกโก้สวยแค่ไหน ร้านอาหารอะไรอร่อยในโตเกียว แต่เพราะขีดจำกัดทางการสื่อสาร จะอัพเรื่องราวเหล่านี้ทีก็ต้องรอตอนกลับมาถึงที่พัก แล้วค่อยใช้ไวไฟของที่พักอัพเรื่องราวเหล่านี้ ซึ่งฮานะว่ามันไม่อินเท่ากับการที่เราอัพเรื่องราวแบบเรียลไทม์ แต่กับทริปการเดินทางล่าสุดที่ฮานะพาสมาชิกชิลไปไหนร่วมเดินทางไปกับทริปชิลแพ็คเกอร์อินโตเกียว ครั้งที่ 1 เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมานั้นหมดปัญหาเรื่องการติดต่อสื่อสารไปเลยค่ะ เพราะฮานะได้รู้จักกับเจ้า Pocket WiFi Router นี่แล่ะค่ะ

  Pocket WiFi Router  ก็คืออุปกรณ์ส่งสัญญาณไวไฟแบบพกพาที่ให้เราพกพาไปไหนในญี่ปุ่นได้สะดวกมากๆ โดยคราวนี้ฮานะเลือกใช้บริการเช่าอุปกรณ์ชนิดนี้กับทาง บริษัท  East Bridge จำกัด โดยสามารถเข้าไปทำรายการเช่าได้ที่ http://www.wifi-service.info ภายในเว็บไซต์ของเขายังมีภาษาไทยด้วยค่ะ

โดย Pocket WiFi Router ของที่นี่เขามีให้เลือกหลายแบบ แต่ละแบบจะมีคุณสมบัติเฉพาะตัวให้เลือกใช้ตามการใช้งานของเรา ยกตัวอย่างดังนี้

E-Mobile 42Mbps

E-Mobile 42Mbps   ค่าเช่า วันละ 650 เยน ใช้ไม่จำกัด ความเร็ว 42Mbps แบตอยู่ได้นาน 4-5 ชั่วโมง สัญญาณ คลอบคลุม 93% ทั่วญี่ปุ่น
ข้อดี : สัญญาณเสถียร ทั้งนอกและในตัวอาคาร
ข้อเสีย : แชร์ได้น้อย (5เครื่อง) แบตอยู่ได้แค่ครึ่งวัน (4.5 ชม.) สำหรับใช้ไม่ถึง 5 คน ใช้คู่กับที่ชาร์ทแบตแบบพกพา
วิธีใช้ : เปิดเครื่องใส่รหัสผ่านแล้วใช้ได้ทันที ไม่ต้องเซ็ท

WiMAX

WiMAX  ค่าเช่า วันละ 650 เยน  ใช้ไม่จำกัด ความเร็ว 40Mbps แบตอยู่ได้นาน 8 ชั่วโมง
ข้อดี : แชร์ได้ 8 เครื่อง แบตอยู่ได้นานกว่า ค่าเช่า วันละ 650 เยน
ข้อเสีย : สัญญาณอ่อนในตัวอาคาร สัญญาณจะด้อยกว่าอีโมบายเล็กน้อย
วิธีใช้ : เปิดเครื่องใส่รหัสผ่านแล้วใช้ได้ทันที ไม่ต้องเซ็ท

E-Mobile  LTE 75Mbps

               E-Mobile  LTE 75Mbps  ค่าเช่า วันละ 830 เยน  ใช้ไม่จำกัด ความเร็ว 75Mbps แบตอยู่ได้นาน 9 ชั่วโมง สัญญาณ คลอบคลุม 93% ทั่วญี่ปุ่น
ข้อดี : สัญญาณเสถียร ทั้งนอกและในตัวอาคาร แชร์ได้ 10 เครื่อง แบตอยู่ได้นานกว่า
ข้อเสีย : ค่าเช่าแพง
วิธีใช้ : เปิดเครื่องใส่รหัสผ่านแล้วใช้ได้ทันที ไม่ต้องเซ็ท

วิธีการเช่าเครื่อง Pocket WiFi Router  คือเข้าไปในเว็บไซต์ http://www.wifi-service.info แล้าทำรายการ Order  เลือกเครื่อง Pocket WiFi Router ที่เราต้องการ เลือกวันรับเครื่อง และวันส่งคืน เลือกจำนวนเครื่องที่เราต้องการใช้ ใครสนใจบริการเสริมอย่าง ประกันเครื่องก็สามารถเลือกได้ แต่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่ม และสามารถเลือกได้ว่าจะจัดส่งที่ไหน ถ้าให้ส่งไปที่โรงแรม หรือที่พักของเรา เขาจะคิดค่าจัดส่ง 840 เยน ถ้าเลือกให้จัดส่งที่สนามบินค่าส่งจะเท่ากับ 1690 เยน (สนามบิน Chitose International Airpot, Fukuoka Airpot ค่าส่ง 2050Yen) โดยการชำระเงินนั้นจะต้องตัดผ่านบัตรการ์ด VISA, MASTER Card, JCB และ American Express เท่านั้น การสั่งจองจะต้องสั่งจองล่วงหน้า 3 วันก่อนวันรับเครื่อง เพียงเท่านี้ก็รอรับเครื่องไวไฟที่เราสั่งจองได้เลยค่ะ ซึ่งเขาจะไม่คิดค่าเครื่อง คิดเพียงค่าเช่าต่อวันและค่าจัดส่งเท่านั้น

ส่วนเครื่องที่ฮานะลองใช้ครั้งนี้คือแบบ  E-Mobile  LTE 75Mbps

โดยฮานะเลือกรับอุปกรณ์ที่ไปรษณีย์ของสนามบินนาริตะ เพียงบอกเลขรับพัสดุกับทางไปรษณีย์ ทางไปรษณีย์เขาก็จะนำกล่องพัสดุที่ใส่ Pocket WiFi Router มาให้เรา ภายในจะประกอบด้วย เครื่อง Pocket WiFi Router ที่จะมีซิม แบตเตอรี่ ใส่อยู่ภายใน ซองใส่อุปกรณ์ และที่ชาร์ตมาให้เรา พร้อมใบปะหน้าซึ่งเป็นที่อยู่ที่จะใช้ส่งอุปกรณ์คืน โดยคุณสามารถส่งผ่านไปรษณีย์ ร้าน Lawson ร้านเซเว่นอีเลฟเว่น หรือสอบถามกับทางโรงแรมว่ามีบริการส่งของหรือไม่ โดยคุณจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบค่าส่งคืนอุปกรณ์เอง กรณีอุปกรณ์ไม่ครบ จะมีค่าใช้จ่ายดังนี้ ตัวเครื่อง 42000 เยน ซิม 5000 เยน สายยูเอสบี 1500 เยน สายชาร์ต 5000 เยน แบตเตอร์รี่ 6000 เยน กระเป๋าใส่อุปกรณ์ 500 เยน ดังนั้นเวลาจะเช่าก็ถนอมๆ เครื่องกันด้วยนะคะ 

“ภาพที่อัพขึ้นอินสตาร์แกรม ขณะนั่งอยู่บนรถไฟจากสนามบินนาริตะเข้าโตเกียว”

การใช้งานก็ง่ายมาก กดปุ่มเปิดเครื่องค้างไว้ แล้วใช้มือถือของเราค้นหาสัญญาณไวไฟ จากนั้นเชื่อมต่อ และใส่รหัส Web Key ที่เขาจะใส่มาในกระเป๋าใส่อุปกรณ์ เพียงเท่านี้ก็สามารถใช้งานไวไฟ ได้แล้วค่ะ และยังสามารถแชร์ให้เพื่อนได้อีก 10 เครื่อง

ตลอดเวลาที่ฮานะใช้เครื่องPocket WiFi Router  คือ 9 วัน โดยฮานะเดินทางในโตเกียว นิกโก้ คาวากูจิโกะ ขึ้นไปบนยอดเขาเพื่อชมภูเขาไฟฟูจิที่ Chureito Pagoda สัญญาณดีตลอด จะนั่งรถไฟใต้ดินสัญญาณก็ใช้ได้ดี

“ภาพวิวภูเขาไฟฟูจิจาก Chureito Pagoda อัพอินสตาร์แกรม

โดยใช้ E-Mobile  LTE 75Mbps ตอนที่อยู่บนเขาเลยค่ะ”

หลัง จากนั้นฮานะก็เดินทางไปสู่เหนือสุดของญี่ปุ่นคือภูมิภาค ฮกไกโดต่อ โดยหอบหิ้วเจ้าเครื่อง E-Mobile  LTE 75Mbps ไปด้วย  แม้จะนั่งรถไฟ ไปอยู่ในทุ่งลาแวนเดอร์ที่ฟูราโน่ หรือปั่นจักรยานเที่ยวที่บิเอะ ก็ไม่มีปัญหาเรื่องสัญญาณเลยค่ะ ส่วนเรื่องแบตเตอร์รี่นั้น ตลอดทริป 9 วัน ฮานะชาร์ตไปแค่ประมาณ 3 ครั้งเท่านั้น

“ภาพเมืองฟูราโน่และบิเอะ ที่ฮกไกโดห่างไกลแค่ไหนสัญญาณก็ใช้ได้ดี 

สามารถอัพภาพสวยๆ มาให้คนที่เมืองไทยได้อิจฉาเล่น ”

ส่วนการส่งคืนอุปกรณ์ฮานะเลือกส่งที่ไปรษณีย์ที่สนามบินนาริตะ ที่เดียวกับตอนที่รับมา โดยนำใบปะหน้าที่ทางบริษัทส่งให้มา แปะที่กล่องพัสดุ แล้วชำระค่าส่งเพียง 600 เยนเท่านั้น

   สะดวก สบาย แถมราคาประหยัดอีกด้วย ไม่ต้องมาเปิดโรมมิ่งให้ปวดตับกับค่าบริการที่แสนแพง หรือไม่ต้องมาหาไวไฟฟรีตามร้านอาหารหรือโรงแรม คุณก็จะได้ส่งผ่าเรื่องราวความประทับใจจากญี่ปุ่นมาให้เพื่อนๆ ได้ชมแบบเรียลไทม์ ใครที่กำลังไปญี่ปุ่นก็ลองใช้เจ้าเครื่องนี้ดูนะคะ ฮานะว่าเวิร์คมากๆ

ขอขอบคุณ East Bridge Co., Ltd. ที่เอื้อเฟื้อเครื่อง E-Mobile  LTE 75Mbps ให้มาทดลองใช้นะคะ

ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก

http://www.wifi-rental.jp

www.facebook.com/WifiService.japan

www.eaccess.net

สนใจร่วมเดินทางทริปชิลแพ็คเกอร์อินโตเกียวกับชิลไปไหนดูรายละเอียด ที่นี่เลย

เรื่องโดย นางสาวฮานะ