ที่เที่ยว

Back to homepage

รวมสถานที่ชมใบไม้แดงที่ญี่ปุ่น

ตอนนี้ที่ญี่ปุ่นกำลังใกล้เข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วงหรือใบไม้แดงกันแล้วนะคะโดยภูมิภาคแรกที่จะได้ชมใบไม้แดงก่อนเพื่อนคือฮกไกโด เพราะเป็นภูมิภาคที่อยู่เหนือที่สุดและจะเปลี่ยนสีสันไล่จากเหนือลงมาใต้

นิกโก้ (Nikko)

นิกโก้ (Nikko) แหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมที่งดงามของญี่ปุ่น มีคำขวัญที่เรามักจะเห็นในสถานีรถไฟของญี่ปุ่นที่ว่า Nikko is Nippon หรือนิกโกเนี่ยแหละคือญี่ปุ่นที่แท้จริง สำหรับใครที่ชอบเที่ยววัดวาอาราม ศาลเจ้า ชมศิลปะของญี่ปุ่น

ทะเลสาบคาวากุจิ (Kawaguchiko)

ทะเลสาบคาวากูจิโกะ นั้นเป็นจุดที่สามารถชมภูเขาไฟฟูจิได้อย่างชัดเจนและสวยงามมากๆ แต่ว่ากันว่าภูเขาไฟฟูจิ หรือฟูจิซังนั้นขี้อายมากๆ ใครจะมาชมก็ขึ้นอยู่กับดินฟ้าอากาศและโชคช่วยด้วยค่ะ การเดินทางภายในทะเลสาบคาวากูจิโกะนั้นจะต้องนั่งรถเรโทรบัสซึ่งเป็นรถบัสที่วิ่งรอบทะเลสาบ โดยจะจอดตามสถานีต่างๆ รอบทะเลสาบ ทั้งหมด 21 สถานี ซึ่งสามารถใช้พาสแบบทูเดย์พาสราคา 1,030 เยน ที่สามารถขึ้นกี่รอบก็ได้ในระยะเวลา 2 วันติดต่อกัน ซึ่งถือว่าคุ้มเลยค่ะเพราะราคาไป + กลับ สถานีแรกและสถานีสุดท้ายก็เกือบ 1,000 เยนแล้ว ส่วนใครที่อยากไปเที่ยวทะเลสาบไซโกะ ซึ่งเป็น 1 ใน 5 ทะเลสาบรอบภูเขาไฟฟูจิ ที่ตั้งอยู่ใกล้กับทะเลสาบคาวากูจิโกะ ก็สามารถซื้อพาสที่รวม

ตลาดอาเมะโยโกะ (Ameyoko)

สุดยอดตลาดดังแห่งอูเอโนะที่มีให้คุณช้อปทั้งของกินของใช้ เสื้อผ้า กระเป๋า เครื่องสำอางไปจนถึงเมลอนและปลาหมึกสด เรียกได้ว่าครบและเพลินจริงๆ คุณอาจจะเสียเวลากับที่นี่หลายชั่วโมงหายไม่วางแผนมาก่อนเพราะจะถูกดึงดูด ด้วยร้านต่างๆที่จัดอย่างมีชีวิตชีวาและดูสะอาดตาน่าเข้าไปซะหมด ราคาก็แสนจะโอเคสำหรับนักเดินทาง แถมยังสามารถเดินทะลุไปยังแหล่งช้อปขนมของฝากสุดฮิตอย่างร้าน ทาเคยะ หรือตึกม่วงได้อีกตะหาก จดไว้เลยว่าตลาดอาเมะโยโกะนี่ต้องมาให้ได้ รับประกัน!             เปิด-ปิด ประมาณ 10.00 – 19.00 น. รถไฟใต้ดินลงสถานี อูเอโนะ ทางออก 5a หรือ 5b เดินมาจนถึงทางแยก (100

ชิบูย่า (Shibuya)

ชิบูย่า (Shibuya) ย่านช้อปปิ้งยอดฮิตของญี่ปุ่น ที่นี่มีห้างสรรพสินค้า และร้านค้ามากมาย ให้คุณได้เลือกช้อป สำหรับสาวๆ เราแนะนำตึก Shibuya 109 ที่นี่มีเสื้อผ้าสุดน่ารักของสาวๆ หลากหลายสไตล์ รับรองว่ากลับเมืองไทยคุณจะนำเทรนด์ก่อนใคร และอีกสิ่งที่พลาดไม่ได้คือการได้เดินบนห้าแยกชิบูย่าซึ่งเป็นห้าแยกที่ว่ากันว่าจะมีคนมาข้ามแยกนี้นับแสนคนต่อวัน การเดินทาง : สถานีชิบุย่าเป็นสถานนีใหญ่ซึ่งจะมีรถไฟผ่านหลายสาย อาทิ JR Yamanote Line, JR Saikyo Line, JR Shonan Shinjuku Line, Hanzomon Subway Line,

แคทสตรีท (Cat Street)

แคทสตรีท (Cat Street) ถนนเส้นเล็กๆ ที่เชื่อมจากฮาราจูกุไปถึงชิบูย่า สองข้างทางเต็มไปด้วยร้านแฟชั่นทั้งใหม่เก่า แบบ DIY และ brandname ตกแต่งอย่างเก๋ๆ เดินเพลินมากๆ ที่มาของชื่อว่า Cat Street นั้นมาจากเมื่อก่อนจะมีน้องเหมียวชอบมานอนเล่นอยู่แถวนี้ แต่เมื่อเวลาต่อไป เมื่อร้านรวงและคนเยอะขึ้นก็ทำให้น้องแมวหายไป เหลือแต่เพียงชื่อถนนเท่านั้น ใครอยากมาเดินช้อป นั่งชิลในร้านคาเฟ่ ก็มาทีนี่ได้เลย การเดินทาง จากสถานีฮาราจูกุเดินทะเลุถนนทาเคชิตะ ข้ามถนนก็จะพบถนน แคทสตรีท (Cat Street) ซึ่งสามารถเดินตรงไปเรื่อยๆ จนถึงชิบุย่าได้

ฮาราจูกุ ถนนทาเคชิตะ (Harajuku – Takeshita Dori)

ย่านสุดฮิปของวัยรุ่น บนถนนเส้นนี้เต็มไปด้วยร้านขายเสื้อผ้าแฟชั่นแบบญี่ปุ่น ว่ากันว่าที่นี่คือต้นแบบของสยามบ้านเรา แต่ของเขาหลากหลาย แฟชั่นจี๊ดกว่าบางทีก็เจอสาวๆ หนุ่มๆ แต่งคอสเพลย์เดินกันเป็นเรื่องปกติของที่นี่แต่ก่อนคนไทยที่ไม่เคยเห็นถือว่าเป็นเรื่องอันซีน แต่ตอนนี้ฮานะว่าก็เป็นเรื่องปกติไปแล้ว ส่วนใครอยากอัพเดตเทรนด์แฟชั่นของวัยรุ่นโตเกียว อยากมาทานเคร้ปร้านหัวมุมที่ขึ้นชื่อมากๆ ก็ไม่ควรพลาดถนนเส้นนี้                      การเดินทาง : นั่งรถไฟใต้ดินลงสถานี Meijijingu-mae Station หรือรถไฟ JR ลงสถานี Harajuku

ศาลเจ้าเมจิ (Meiji Jingu)

ศาลเจ้าเมจินั้นสร้างขึ้นในปี 1920 เพื่ออุทิศถวายแด่ดวงวิญญาณของสมเด็จพระจักรพรรดิเมจิ และสมเด็จพระจักรพรรดินีโชเก็ง ส่วนป่าที่ร่มรื่นนั้นก็เกิดจากความร่วมมือของประชาชนที่ได้บริจาคต้นไม้ กว่า 100,000 ต้น เพื่อสร้างป่าแห่งนี้ขึ้นมา เดินเข้ามาผ่านเสาโทริไม้ขนาดใหญ่ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของศาสนาชินโตก็จะได้พบ กับความสงบ ความเย็น ความร่มรื่น ต่างจากด้านนอกที่เราเดินเข้ามา  แม้ตัวศาลเจ้าจะไม่ได้ใหญ่อะไรมาก (แต่ขนาดป่านั้นใหญ่มากๆ) แต่แสดงถึงความเป็นญี่ปุ่นได้เป็นอย่างดี เดินเข้ามาเราจะรู้สึกถึงความสงบ ภาพของคู่บ่าวสาวที่มาจัดงานแต่งงานแบบญี่ปุ่นที่เรียบง่าย แต่ทำให้เราทึ่งมากๆ ก็ยืนยันถึงความเป็นคนญี่ปุ่นที่มีรากและวัฒนธรรมที่แข็งแรง การเดินทาง : รถไฟ JR ลงสถานีฮาราจูกุ

วัดเซนโซจิ (Senso-Ji Temple)

วัดเซนโซจิ หรือวัดที่คนไทยเราเรียกว่าวัดอะสะกุสะ ตั้งอยู่ในย่านอะสะกุสะของกรุงโตเกียว จุดเด่นของวัดนี้คือโคมแดงอันใหญ่ยักษ์ที่เป็นเหมือนสัญลักษณ์ของวัด ประวัติของวัดนี้ย้อนไปในปี ค.ศ. 628 ชาวประมงสองคนพี่น้องมาจับปลาที่แม่น้ำสุมิดะแต่จับไม่ได้เลยสักตัวเลยอธิษฐานขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้พวกเขาจับได้ ได้เหวี่ยงแหไปพบพระพุทธรูปเจ้าแม่กวนอิมทองคำพวกเขาเลยนำกลับไปในน้ำ แต่เมื่อเหวี่ยงแหลงไปอีกครั้งพวกเขาก็ยังได้กลับมาเหมือนเดิม สุดท้ายเลยนำกลับมาให้ผู้ใหญ่บ้าน ผู้ใหญ่บ้านจึงเปลี่ยนบ้านให้กลายเป็นวัดขนาดเล็กเพื่อให้ประชาชน มีสักการะบูชา ความศักดิ์สิทธิ์ขอเจ้าแม่กวนอิมทองคำเป็นที่ร่ำลือไปจนถึงท่านโชกุน ท่านเลยสร้างให้เป็นวัดมีที่ใหญ่โตขึ้น โดยสร้างเสร็จในปี ค.ศ 645 ซึ่งทำให้วัดนี้เป็นวัดที่เก่าแก่ที่สุดในกรุงโตเกียว   จุดเด่นของวัดอะสะกุสะนั้นคือโคมแดงอันยักษ์ที่มีถึงสามอัน โดยอันแรกจะตั้งอยู่ที่ประตู Kaminari-mon ประตู Hozo-mon และภายนอาคารหลักของวัด โดยมีน้ำหนักมากถึง 670 กรัม ภาพจาก Google Map ประตูคามินาริ